การรับรู้โอกาส (Opportunity Recognition)


การรับรู้โอกาส (opportunity recognition)

ความหมายและความสำคัญ ถ้าพิจารณาจากกระบวนการทางนวัตกรรมแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนหลักในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อไปถึงจุดที่จะบอกว่าสิ่งนั้นสามารถสร้างคุณค่าให้กับสังคมได้นั้นคือ “การรับรู้ถึงโอกาส” (opportunity recognition) ซึ่งบุคคลที่คิดคำนี้ขึ้นมาคือ Mark Rice และ Gina Colarelli O’Connor
(คมสัน ขจรชีพพันธุ์งาม. 2555)

(ภาพจาก วุทธิศักดิ์ โภชนุกูล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มปป.)

 
 
เป็นกระบวนการคิดที่ใช้สำหรับตอบคำถาม สำหรับผู้ที่คิดค้น นวัตกรรม ทุกคนต้องเข้าใจ ความคิดนี้ถือว่ามีคุณค่าอย่างแท้จริงต่อลูกค้าในปัจจุบัน หรือการคาดการณ์ถึงอนาคตสำหรับผู้ที่จะมารับผลประโยชน์ขององค์กร ความสามารถเข้าใจและตอบคำถามนี้ได้อย่างถูกต้องนั้นอาจมีความสำคัญพอๆ กับการที่มีความคิดที่เป็นนวัตกรรมซึ่งอาจเปรียบได้กับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้เลยทีเดียว

นวัตกรรม: การรับรู้โอกาส

ไอเดียเพียงลำพังอาจไม่เป็นประโยชน์กับใครได้ แต่ต้องมีคนมองเห็นศักยภาพของการนำไอเดียนั้นไปสร้างเป็นมูลค่าเพิ่มกับองค์กร จึงจะมีประโยชน์จริง ๆ การมองเห็นศักยภาพนี้ คือ การรับรู้โอกาส (opportunity recognition)  อาทิ กิจกรรมบางกิจกรรมที่อาจจะไม่เกิดขึ้นเช่น งานเกษตรในแต่ละภาคอาจไม่เกิดขึ้น หากไม่มีคนเห็นโอกาสทางธุรกิจนี้ การรับรู้โอกาสทางธุรกิจหมายความว่า "การจับคู่กันระหว่าง ความต้องการของตลาดที่ยังไม่ถูกตอบสนอง กับ การแก้ปัญหาที่ตอบสนองความต้องการนั้น

โดยนอร์แมน ออกัสติน (Norman Augustine) อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของ Lockheed Martin และเป็นผู้สร้างนวัตกรรมด้านอากาศยานที่ยอดเยี่ยม ได้กล่าวไว้ว่า สิ่งที่สำคัญก็คือเราต้องฉลาดพอที่จะรับรู้ว่า สิ่งนั้นจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเราเห็นมันอยู่ตรงหน้า

บทความเพื่อให้เห็นถึง “การรับรู้ถึงโอกาส”

ซัมซุงเปิดตัวสินค้าไฮไลท์สุดไฮเทคกับเครื่องซักผ้ารุ่น แอร์วอช (AirWash)” ครั้งแรกในโลกกับระบบการซักโดยไม่ใช้น้ำ สนองความต้องการที่หลากหลายของคนยุคใหม่
นายอาณัติ จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ซัมซุงพร้อมเดินหน้าเต็มที่ในตลาดเครื่องซักผ้าในปีนี้ ล่าสุดซัมซุงเปิดตัวสินค้าไฮไลท์ประจำปีนี้ ด้วยเครื่องซักผ้า ที่มีการผสมผสานระหว่างดีไซน์และเทคโนโลยีอย่างเหนือระดับกับ ซัมซุง แอร์วอชเครื่องซักผ้ารุ่นแรกของโลกที่ซักเสื้อผ้าได้เกือบทุกประเภท ด้วยเทคโนโลยีลมร้อนพลังแรงสูงในการขจัดเชื้อแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากผ้าโดยไม่ต้องใช้น้ำและผงซักฟอก เหมาะสำหรับเสื้อผ้าที่ไม่สามารถซักได้ด้วยน้ำ พร้อมเทคโนโลยี ซิลเวอร์นาโน ที่ช่วยขจัดเชื้อโรคได้ถึง 99.9% พร้อมป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้นาน 1 เดือนในโหมดการซักด้วยน้ำปกติ เป็นเครื่องซักผ้าที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย สามารถที่ทำความสะอาดเสื้อผ้าได้ทุกประเภท เพิ่มความสะดวกสบายพร้อมลดค่าใช้จ่ายในการซักแห้ง (นางสาวยุวรี สวนมาลัยว; 2548 วารสารนวัตกรรมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ)  นี่คือบทความที่แสดงออกถึงผู้นำของการรับรู้ถึงโอกาส ในการเป็นผู้นำ “นวัตกรรมของการซักผ้า”

 
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักจะถูกถามว่า เพราะเหตุใดถึงประสบความสำเร็จในธุรกิจ ?

นักธุรกิจที่ถูกสัมภาษณ์มักจะตอบว่าเป็นเพราะโชคเข้าข้างและ โอกาสวิ่งเข้ามาหาพอดีจนนักธุรกิจยุคใหม่หลายคนที่ต้องการประสบความสำเร็จต่างนอนฝันและรอโอกาสที่จะวิ่งเข้ามาชนกับตัวเองบ้าง เพื่อที่จะได้กลายเป็นนักธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จคนต่อไป ซึ่งเป็นวิธีการคิดที่ผิด!

เป็นไปได้จริงหรือนี่ ? มันเป็นไปได้อย่างไร ?คนเราจะประสบความสำเร็จโดยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ?เพียงแค่รอโอกาสให้วิ่งมาหาเท่านั้นหรือ ? ซึ่งในโลกบนความเป็นจริงเป็นไปไม้ได้เลย นอร์แมน ออกัสติน อตีตประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของ Logkheed Martin ได้กล่าว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องฉลาดพอที่จะรับรู้ว่า สิ่งนั้นจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่เมื่อเราเห็นมันอยู่ตรงหน้า” (Norman Augustine) อ้างใน (รัตชา; 2012)
ซึ่งการสร้างโอกาสให้ประสบผลสำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่สามารถจะทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง และควรมีการประเมินโอกาสความสำเร็จในทางที่จะดำเนินการ โดยตั้งคำถามที่สำคัญ 3 ข้อคือ
1.       นวัตกรรมนั้นมีความเหมาะสมในเชิงกลยุทธ์กับบริษัทหรือไม่?
2.       บริษัทหรือองค์กรเรามีความสามารถทางด้านเทคนิคที่จะทำให้นวัตกรรมนั้นใช้การได้หรือไม่?
บริษัทหรือองค์กรเรามีความสามารถในเชิงธุรกิจซึ่งจะทำให้นวัตกรรมนั้นประสบความสำเร็จได้หรือไม่?
เมื่อเราได้คำตอบตามคำถามแต่ละข้อแล้ว เราก็จะได้รับความเข้าใจอันดีว่า ไดเดียนวัตกรรมที่กำลังพิจารณาอยู่มีศักยภาพในเชิงธุรกิจมากน้อยเพียงใดเมื่อประเมินผ่านก็กำหนดทีมงานที่พัฒนาไอเดียต่อไป แต่หากไอเดียไม่มีความเหมาะสมในเชิงกลยุทธ์ เราก็อาจต้องตัดสินใจดังนี้
1. ล้มเลิก
2. ขายไอเดียในรูปใบอนุญาตหรือการให้สิทธิ
3. สร้างองค์กรใหม่แยกจากองค์กรเดิม
ทั้งนี้การวางแผนในเชิงกลยุทธ์นั้นควรวางเป้าหมายระยะยาวของบริษัทให้มีความชัดเจน ทุกคนเข้าใจไปในทางเดียวกัน และให้นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทได้สัมผัสกับลูกค้าและตลาด และที่สำคัญควรเปิดโอกาส สถานที่และพื้นที่ให้กับคนที่มีไอเดียได้ใช้ในการขบคิดและทดลองในสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมานั้น
นวัตกรรมใหญ่ ๆ ของไทย เช่นยา เครื่องสำอางมักจะไม่ผ่านคำถามที่ 2 องค์กรมีความสามารถเชิงเทคนิคที่สามารถทำให้นวัตกรรมนั้นนำไปใช้การได้จริงหรือไม่? และคำถามที่ 3. องค์กรมีความสามารถในทางธุรกิจที่จะทำให้นวัตกรรมนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่? จึงเพียงได้แต่ขายสิทธิบัตร ดังนั้นเราจึงควรที่จะฝึกวางแผนในการรับรู้ถึงโอกาสมากกว่านี้ อันเพื่อจะทำให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แข่งขันกับต่างชาติได้ดีขึ้นนั้นเอง
 
อ้างอิง
วรภัทร์ ภู่เจริญ. (2550). การบริหารนวัตกรรมอย่างยั่งยืนและพอเพียง. กรุงเทพฯ : อริยชน
นายสุทัศน์ สังคะพันธ์, 2555. บทความทักษะแห่งศตวรรษที่ 21. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หน้า 14-17
Richard Luecke, 2014 (ผู้แต่ง) คมสัน ขจรชีพพันธุ์งาม (ผู้แปล) 2555. คัมภีร์นักนวัตกรรม เอ็กซเปอร์เน็ท,  บจก. กทม. บทที่ 3 การรับรู้ถึงโอกาส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น